หลวงพี่น้ำฝน ให้ธรรมะ สิ่งของเขายื่นให้เรา แต่เราไม่รับ สิ่งของนั้นย่อมกลับไปเป็นของเขา  เช่น ใครพูด ใครทำอะไร ก็ได้อย่างนั้น

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม  เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน เมื่อวันก่อนนู้นมีผู้นำคลิปคลิปหนึ่งที่เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์มาให้อาตมาดู อาตมาก็พบว่าเป็นคนดังผู้หนึ่งนี่แหละตอบคำถามในเรื่องสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของครูบาอาจารย์หลายท่าน ผู้พูดก็บอกว่าศักดิ์สิทธิ์อย่างไร หมาก็มีนะที่ไม่เน่าเปื่อย อันนี้คือปรับให้สุภาพแล้ว และก็มีข้อความต่อไปว่า มีประเทศเดียวนี่แหละที่มากราบศพมากราบร่างกายที่ไม่เน่าไม่เปื่อย ไปสนใจอยู่แต่กับของทิ้งแล้วของครูบาอาจารย์…เอามากราบไหว้กัน

อาตมาเห็นแล้ว ดูแล้ว ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่ก็ไม่สบายใจ และรู้สึกว่า ผู้พูดใช้คำพูดที่รุนแรงเกินไป เป็นการจาบจ้วงไม่ให้เกียรติครูบาอาจารย์ และยังทำให้ลูกศิษย์หลายคนเกิดความโมโหแสดงความไม่พอใจ แต่ได้ให้แนวทางว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกรรม ใครทำสิ่งใดก็ได้แบบนั้น และได้เตือนสติลูกศิษย์ว่าควรใช้สติอย่าใช้อารมณ์ อย่าให้เป็นอย่างคราวก่อนที่ระงับโทสะไม่อยู่ ครั้งนี้อาตมาก็ขอไว้อีกครั้งหนึ่งว่าอย่าเลย

แน่ล่ะ อาตมาไม่สบายใจเป็นพิเศษเพราะวัดไผ่ล้อมนั้นก็มีสรีระสังขารของครูบาอาจารย์ที่ไม่เน่าเปื่อย คือสรีระสังขารของหลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข อาตมาคิดว่าการออกมาให้ความเห็นแบบนั้นถือว่าไม่สมควร เพราะพระเถราจารย์ที่ท่านละสังขารและมีสรีระที่ไม่เน่าเปื่อยโดยลูกศิษย์ลูกหาได้เก็บไว้นั้น เป็นเพราะประสงค์ของท่าน อย่างเช่นหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ท่านได้แจ้งเอาไว้กับอาตมาตั้งแต่บวชพรรษาแรกว่า ท่านจะละสังขารในวันวิสาขบูชา หรือแม้แต่สรีระสังขารของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม พระเกจิสายนี้ก็เป็นสายเดียวกัน และสรีระสังขารของท่านก็คงกระพันเหมือนกัน แม้แต่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ท่านก็มีสรีระที่ไม่เน่าเปื่อย ลูกศิษย์ลูกหายังคงเก็บไว้เป็นศรัทธา ให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่การที่เอาสรีระสังขารของท่านไปเปรียบกับหมา เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ถ้าจะให้อาตมาพูดแรงๆ หยาบคายกว่าเขาก็พูดได้ แต่อาจจะมาได้ปลงไปแล้วตอนนี้ได้ดับความทุกข์ร้อนในใจ โดยใช้ธรรมะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ การเก็บสรีระสังขารของท่านเหล่านั้นก็เป็นมติโดยรวมของลูกศิษย์ลูกหาของท่าน เพื่อที่จะเก็บเอาไว้ให้เป็นเครื่องบูชา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในการประกอบคุณงามความดีตามรอยของท่านต่อไป ก็ถือเป็นเครื่องระลึกถึงผู้ที่ไม่อยู่แล้ว มิต่างกับการเก็บรักษาอัฐิธาตุต่าง ๆ ไว้นั่นแหละ คนสามัญธรรมดาเองก็เก็บอัฐิบรรพชนของตนไว้บูชา นั่นก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของร่างกายที่ถูกแปรสภาพ กรณีนี้เราไม่ได้เผา เราประดิษฐานไว้บูชาเพราะทุกคนเห็นสมควร เห็นต่อหน้าต่อตาว่าร่างไม่เน่าเปื่อย เป็นเหตุอัศจรรย์ควรจะกระทำการบูชาไว้ ถ้าเผาแล้วก็เป็นกระดูกแตกหัก เราก็นำมาใส่โกศบูชามิต่างกันเลย อีกทั้งการได้เห็นร่างดังนี้ก็เหมือนครูของเรา ครูของเราทิ้งร่างวางจิตให้เห็นเป็นเช่นนี้แล้ว รู้ว่าปลายทางเราก็เท่านี้แล้ว ถ้ามิได้เห็นจากสรีระครูบาอาจารย์แล้วเราจะเห็นได้จากที่ใด

การที่เราจะสอนหลักธรรมให้ญาติโยมเราจะมาคิดว่าเราทำถูกอยู่คนเดียวไม่ได้ ซึ่งลูกศิษย์ส่งมาให้ อาตมาได้ดูมีความโกรธแค้นไม่สบายใจเพราะเอาครูบาอาจารย์ของเขาไปเปรียบกับหมา เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ การที่เขาออกมาพูดแบบนั้นมาลบหลู่เดี๋ยวปัญหาก็จะเกิดกับตัวเขาเอง หากจะย้อนกลับไปก็มีพระเกจิอาจารย์พระเถราจารย์หลายท่านที่สรีระของท่านได้ย่อยเปลี่ยนสภาพไปตามกาลเวลา ซึ่งถ้าไม่มีเหตุลูกศิษย์จะจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพไปตามกระบวนการ แต่หลายท่านจะทราบว่าท่านมีวาระจิตที่จะบอกลูกศิษย์ของท่านซึ่งท่านจะเป็นผู้รู้ด้วยตัวท่านเอง เปรียบเหมือนเป็นการทำพินัยกรรมเอาไว้ เช่น ที่วัดไผ่ล้อมคณะสงฆ์ได้มีการสวดบทธรรมจักรที่หน้าสรีระสังขารของท่านตั้งแต่ตี 5 ทุกวัน และทำอย่างนี้มาตลอด 20 ปี นี่คือความศรัทธาที่เรามีต่อครูบาอาจารย์ของเรา ลูกศิษย์ของอาตมาเมื่อได้ทราบแล้วก็ควันออกหูกันทุกคน อาตมาได้บอกเพียงแต่ว่า เรื่องนี้เป็นกรรมของใครที่ทำเอาไว้ก็จะได้รับแบบนั้น เพราะสรีระสังขารของท่าน ก็อยู่ของท่านดีๆ แต่มีคนเอาไฟมาสุมมาสาดใส่ เราแค่หยุดคิดหยุดแค้น และหยุดจองเวรกรรมกันต่อไป

ในประเด็นเรื่องของความศรัทธาเช่นนี้ อาตมาเห็นว่าเรามีพึงก้าวก่ายกันจนเกินงาม ตราบเท่าที่ยังถือพระรัตนตรัยอย่างเดียวกัน ถือศีลอย่างเดียวกัน มีเป้าหมายสูงสุดเดียวกัน เรื่องที่พูดกันมานี้คือเรื่องเล็กมาก อย่าทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ อย่าใช้วาจาเป็นอาวุธ อย่าเห็นว่าตนถูกต้องที่สุด เพราะเราทุกคนก็ล้วนเป็นนักเรียนของพระพุทธองค์ทั้งนั้น ขอเจริญพร